ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ( Natural
Unfoldment )
ทิศนา เเขมมณี(2547)
ได้รวบรวบรวมเกี่ยวกับทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ
( Natural
Unfoldment) ไว้ว่า นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือ รุสโซ (Rousseau)ฟรอเบล (Froebel)และเพสตาลอสซี(Pestalozzi)นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1.มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดี
และการกระทำใดๆ เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นภายในของมนุษย์(good-active)
2.ธรรมชาติ
ของมนุษย์มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรุ้และพัฒนาตนเองหากได้รับเสรีภาพใน การเรียนรู้
มนุษย์ก็จะสามารถพัฒนาตนเองไปตามธรรมชาติ
3.รุสโซมีความเชื่อว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆเด็กมีสภาวะของเด็ก
ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก
4.รุสโซมีความเชื่อว่าธรรมชาติคือแหล่งความรู้สำคัญ
เด็กจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติคือ การเรียนรู้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
จากผลของการกระทำของตนมิใช่การเรียนจากหนังสือ หรือจากการพูดบรรยาย
5.เพสตาลอสซี
มีความเชื่อว่าคนมีธรรมชาติปนกันใน 3 ลักษณะ คือ”คนสัตว์”ซึ่งมีลักษณะเปิดเผย เป็นทาสของกิเลส ”คนสังคม ”มีลักษณะที่จะเข้ากับสังคมคล้อยตามสังคมและ”คุณธรรม”ซึ่งเป็นลักษณะของการรู้จักรับผิดชอบชั่วดีคนจะต้องมีการพัฒนาใน 3
ลักษณะดังกล่าว
6.เพสตาลอสซี
เชื่อว่าการใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอน จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี
7.ฟรอเบลเชื่อว่าควรจะให้การศึกษาชั้นอนุบาลแก่เด็กเล็กอายุ
3-5 โดยเด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
8.ฟรอเบลเชื่อว่า
การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก
หลักการจัดการศึกษา / การสอน
1.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่
เนื่องจากเด็กมีสภาวะที่ต่างไปจากวัยอื่นๆ
2.
การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน
เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3.
ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือ
การจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ได้แก่
3.1ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2
ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3
ให้เด็กได้เรียนจากของจริง และประสบการณ์จริง
3.4ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกตางระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
บุญเลี้ยง ทุมทอง (2554)
ได้รวบรวมทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ (Natural
Unfoldment) ว่า ทฤษฎีนี้มีประโยชน์ต่อการศึกษา
การจัดการศึกษาให้กับเด็กมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ และสิ่งที่มีความหมายมากคือ
แนวคิดที่ว่าเด็กที่มีอายุน้อยๆ จะเรียนรู้ได้ดีที่สุด
จากกิจกรรมการใช้สื่อรูปธรรม
หากแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ในห้องเรียนและแนะนำผู้เรียนมากกว่าเป็นผู้สอน
โดยตรงตามทฤษฎีของเพียเจต์
สยุมพร (https://www.gotoknow.org/posts/341272)
ได้กล่าวว่า นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ
การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก
ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น
การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่
และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน
ให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
สรุป
จากการศึกษา ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ(
Natural
Unfoldment ) เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาและช่วงวัยในการเรียนรู้ของผู้เรียน
เชื่อว่าธรรมชาติเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุด ซึ่งมนุษย์จะเกิดการพัฒนาตนเองถ้าได้รับอิสระในการเลือกเรียนตามความต้องการหรือตามความสนใจของตนเอง
จะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหากผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงก็ยิ่งจะทำให้เรียนรู้ได้ดีมากขึ้น
ที่มา
ทิศนา แขมมณี. (2547). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการ
เรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร :
สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญเลี้ยง ทุมทอง. (2554). การวิจัยการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์.
โรงพิมพ์สหบัณฑิต : มหาสารคาม.
สยุมพร ศรีมุงคุณ. (2554).https://www.gotoknow.org/posts/341272. [Online]
เข้าถึงเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม
2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น